คุณธรรม จริยธรรม
ความกตัญญูและกตเวที
ความกตัญญูและกตเวที คืออะไร ?
.กตัญญู คือ รู้คุณท่าน ได้แก่ การรู้สำนึกถึงพระคุณของผู้ที่มีพระคุณแก่ตน ในทางมนุษย์ท่านว่าพ่อและแม่เป็นบุคคลแรกและบุคคลสูงสุดของลูกทุกคนในด้านพระคุณ บุคคลนอกจากพ่อและแม่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านมีพระคุณต่อเรามากหลายเพียงใด ก็ไม่อาจจะเทียบเท่าพระคุณของพ่อและแม่ได้ เพราะพ่อและแม่เป็นผู้ให้ชีวิตเรา ถ้าไม่มีพ่อให้เชื้อ ไม่มีแม่อุ้มท้อง ลูกทุกคนก็ไม่อาจจะเกิดมาดูโลกนี้ได้ แม้พ่อแม่บางคนจะโหดร้ายต่อลูกเพียงใดก็ตาม นั่นก็ย่อมจะเป็นพฤติกรรมภายหลัง ที่เราได้เกิดมาแล้วแต่ในด้านผู้ให้กำเนิดแล้ว พระคุณของท่านย่อมจะมีอยู่ตลอดชีวิตของเรา อันธรรมชาติของสัตว์โลก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ดิรัจฉาน ในกมลสันดานของความเป็นแม่หรือพ่อนั้น ย่อมจะรักลูกของตนยิ่งชีวิต บางครั้งถึงกับยอมตายแทนลูกได้ แต่ที่พ่อแม่บางรายมีความโหดร้ายทารุณ จนผิดวิสัยของผู้บังเกิดเกล้านั้น ก็เกิดจากอกุศลกรรมในอดีตชาติของลูกมาบันดาลให้เป็นไป ลูกสัมมาทิฐิจึงมิบังควรจะก่อเวรกับพ่อแม่อีกต่อไป ควรแก้ด้วยการทำความดีในทุกรูปแบบ มิฉะนั้นเวรก็จะไม่ระงับเพราะเวรย่อมจะระงับได้ด้วยการไม่จองเวร
คนดีย่อมจะเป็นผู้มีกตัญญูและกตเวที
............ในการดูคนทั่วไปไม่ว่าหญิงหรือชาย ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือชั่วนั้น วิธีที่จะดูให้แน่ที่สุดและแม่นที่สุดก็จะต้องดูที่การแสดงออกของเขาในเรื่อง ความกตัญญูคือการรู้คุณคนที่มีคุณ และความมีกตเวทีคือคิดตอบแทนพระคุณของผู้มีพระคุณ คุณธรรมทั้งสองนี้จะต้องทำไปพร้อมกันคือต้องระลึกถึงคุณและตอบแทนคุณในทันที ถ้าพ่อแม่เป็นคนไม่ดีต่อลูก เราจะต้องระลึกถึงคุณและตอบแทนคุณด้วยหรือ ?
............ลูกที่ดีจะต้องระลึกถึงคุณ และคิดตอบแทนพระคุณของท่านเสมอ ไม่ว่าพ่อแม่ของเราจะเป็นคนชั่วร้ายเลวทรามปานใด ก็ไม่มีข้อยกเว้นทั้งสิ้น จะต่างก็แต่ว่าเราจะตอบแทนพระคุณของท่านในช่วงไหนที่เหมาะสมเท่านั้น ก่อนอื่นเราในฐานะลูกที่ดี เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า พ่อและแม่มีพระคุณต่อลูก 2 ระยะ ดังนี้ - การให้เกิด มีพ่อและแม่เท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้ คนทั้งโลกยกเว้นพ่อและแม่ย่อมจะหมดสิทธิ์ที่จะทำหน้าที่นี้ต่อเรา
- การเลี้ยงดู พ่อแม่หรือใครๆ ก็ทำได้ ถ้าพ่อแม่ทำหน้าที่นี้ด้วย ท่านก็จะมีพระคุณต่อลูกครบวงจร คือ ทำให้เกิดด้วยและเลี้ยงดูด้วย
การเลี้ยงลูกที่ดีที่สุด ก็คือ ต้องเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจ ให้มีความสมบูรณ์ไปพร้อมๆ กัน
เลี้ยงร่างกาย คือ ให้ร่างกายเติบโตสมบูรณ์มีสุขภาพอนามัยดี มีความรู้ มีความสามารถในการเลี้ยงตัวเอง และพึ่งตัวเองได้ในสัมมาชีพ
เลี้ยงจิตใจ คือ ต้องให้จิตใจมีคุณธรรม มีความสำนึกในบาป-บุญ-คุณ-โทษ มีหลักธรรมในพระศาสนาเป็นเครื่องดำเนินชีวิต ไม่ทำให้ชีวิตเป็นหมันเปล่า ไม่หลงโลก ไม่ติดโลก มีปัญญาเป็นเครื่องดำเนินชีวิต มีความรู้ก็ต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องกำกับตลอดชีวิตด้วย คุณธรรมความดีงามทั้งหลายจะเกิดกับลูกได้ถาวรตลอดไป ลูกคนนั้นก็จะต้องมีความกตัญญูและกตเวทีเป็นพื้นฐานจิตก่อน พ่อแม่ที่ดีมีสัมมาทิฐิ ก็ควรจะต้องปลูกฝังความกตัญญูลงในจิตใจของลูกพร้อมกับการให้วิชาความรู้คู่กันไป
........ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีทั้งคุณและโทษ ย่อมขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้ใช้ การแสดงออกของความกตัญญูและกตเวทีก็เช่นกัน ถ้าลูกหรือผู้ที่ได้รับความอุปการะช่วยเหลือแล้ว แสดงความกตัญญูและกตเวทีโดยขาดธรรมและปัญญาร่วมด้วยแล้ว ก็ย่อมจะก่อปัญหาให้แก่เราและผู้มีพระคุณได
คุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ
เพื่อให้การขับเคลื่อนดังกล่าวมีความชัดเจน เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม “๘ คุณธรรมพื้นฐาน” ที่ควรเร่งปลูกฝัง ประกอบด้วย
๑) ขยันขยัน คือ ความตั้งใจเพียรพยายามทำหน้าที่การงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อดทน ความขยัน ต้องปฏิบัติควบคู่กับการใช้สติปัญญา แก้ปัญหาจนเกิดผลสำเร็จ
ผู้ที่มีความขยัน คือ ผู้ที่ตั้งใจทำอย่างจริงจังต่อเนื่องในเรื่องที่ถูกที่ควรเป็นคนสู้งาน มีความ พยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงานที่ทำ ตั้งใจทำหน้าที่อย่างจริงจัง
๒) ประหยัดประหยัด คือ การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สิน สิ่งของแต่พอควรพอประมาณ ให้เกิดประโยชน์ คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ
ผู้ที่มีความประหยัด คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้คิดก่อนซื้อ เก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของอย่างคุ้มค่า รู้จักทำบัญชี รายรับ-รายจ่ายของ ตนเองอยู่เสมอ
๓) ความซื่อสัตย์
ผู้ที่มีความประหยัด คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้คิดก่อนซื้อ เก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของอย่างคุ้มค่า รู้จักทำบัญชี รายรับ-รายจ่ายของ ตนเองอยู่เสมอ
๓) ความซื่อสัตย์
ซื่อสัตย์ คือ ประพฤติตรงไม่เอนเอียงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมีความจริงใจ ปลอดจากความรู้สึกลำเอียง
หรืออคติ
ผู้ที่มีความซื่อสัตย์ คือ ผู้ที่มีความประพฤติตรงทั้งต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ตรงต่อเวลา ไม่ใช้เล่ห์กล คดโกงทั้งทางตรงและทางอ้อม รับรู้หน้าที่ของตนเองและปฏิบัติอย่างเต็มที่ถูกต้อง
๔) มีวินัย
หรืออคติ
ผู้ที่มีความซื่อสัตย์ คือ ผู้ที่มีความประพฤติตรงทั้งต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ตรงต่อเวลา ไม่ใช้เล่ห์กล คดโกงทั้งทางตรงและทางอ้อม รับรู้หน้าที่ของตนเองและปฏิบัติอย่างเต็มที่ถูกต้อง
๔) มีวินัย
มีวินัย คือ การยึดมั่นในระเบียบแบบแผน ข้อบังคับและข้อปฏิบัติ ซึ่งมีทั้งวินัยในตนเองและวินัย ต่อสังคม
ผู้ที่มีวินัย คือ ผู้ที่ปฏิบัติตนในขอบเขต กฏ ระเบียบของสถานศึกษา สถาบัน/องค์กร/สังคมและ ประเทศ โดยที่ตนเองยินดีปฏิบัติตามอย่างเต็มใจและตั้งใจ
๕) สุภาพสุภาพ คือ เรียบร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อม มีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีสัมมาคารวะ
ผู้ที่มีความสุภาพ คือ ผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว รุนแรง วาง อำนาจข่มผู้อื่นทั้งโดยวาจาและท่าทาง แต่ในเวลาเดียวกันยังคงมีความมั่นใจในตนเอง เป็นผู้ที่มีมารยาท วางตนเหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย
๖) สะอาดสะอาด คือ ปราศจากความมัวหมองทั้งกาย ใจ และสภาพแวดล้อม ความผ่องใสเป็นที่เจริญตา ทำให้เกิดความสบายใจแก่ผู้พบเห็น
ผู้ที่ความสะอาด คือ ผุ้รักษาร่างกาย ที่อยู่อาศัยสิ่งแวดล้อมถูกต้องตามสุขลักษณะ ฝึกฝน จิตใจมิให้ขุ่นมัว จึงมีความแจ่มใสอยู๋เสมอ
๗) สามัคคีสามัคคี คือ ความพร้อมเพียงกัน ความกลมเกลียวกัน ความปรองดองกัน ร่วมใจกันปฏิบัติงาน ให้บรรลุ ผลตามที่ต้องการเกิดงานการอย่างสร้างสรรค์ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่ เอารัดเอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลาย ทางความคิด ความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติ ความกลมเกลียวกันในลักษณะเช่นนี้ เรียกอีกอย่างว่า ความสมานฉันท์
ผู้ที่มีความสามัคคี คือ ผู้ที่เปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้บทบาทของตนทั้งในฐานะ ผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อให้การงาน สำเร็จลุล่วง แก้ปัญหาและขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุผล ยอมรับความแตกต่าง หลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ พร้อมที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันอย่าง สันติ
๘) มีน้ำใจมีน้ำใจ คือ ความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเองหรือเรื่องของตัวเอง แต่เห็นอกเห็นใจเห็นคุณค่า ในเพื่อน มนุษย์ มีความเอื้ออาทรเอาใจใส่ ให้ความสนใจในความต้องการ ความจำเป็น ความทุกข์สุขของผู้อื่น และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน
ผู้ที่มีน้ำใจ คือ ผู้ให้และผุ้อาสาช่วยเหลือสังคสม รู้จักแบ่งปัน เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อทำ ประโยชน์แก่ผู้อื่นเข้าใจ เห็นใจ ผู้ที่มีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคมด้วยแรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหา หรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นใน ชุมชน
ดูดีมากเลย
ตอบลบ